(หันทะ มะยัง ธัมมะปะหังสะนะสะมาทะปะนาทิวะจะนะปาฐัง ภะณามะ เส)
เอวัง สวากขาโต ภิกขะเว มะยา ธัมโม
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย, ธรรม, เป็นธรรมอันเรากล่าวดีแล้ว, อย่างนี้
อุตตาโน
เป็นธรรมอันทำให้เป็นดุจของคว่ำที่หงายแล้ว
วิวะโฏ
เป็นธรรมอันทำให้เป็นดุจของปิดที่เปิดแล้ว
ปะกาสิโต
เป็นธรรมอันเราตถาคตประกาศก้องแล้ว
ฉินนะปิโลติโก
เป็นธรรมมีส่วนขี้ริ้วอันเราตถาคตเฉือนออกหมดสิ้นแล้ว
เอวัง สวากขาเต โข ภิกขะเว มะยา ธัมเม
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย, เมื่อธรรมนี้, เป็นธรรมอันเรากล่าวดีแล้ว, อย่างนี้
อะลัง เมวะ
ย่อมเป็นการสมควรแล้วนั่นเทียว
สัทธา ปัพพะชิเตนะ กุละปุตเตนะ วิริยัง อาระภิตุง
ที่กุลบุตรผู้บวชแล้วด้วยศรัทธา, จะพึงปรารภการกระทำความเพียร
กามัง ตะโจ จะ นะหารุ จะ อัฏฐิ จะ อะวะสิสสะตุ
ด้วยการอธิษฐานว่า, แม้หนังเอ็นกระดูกเท่านั้นจักเหลืออยู่
สะรีเร อุปะสุสสะตุ มังสะโลหิตัง
เนื้อและเลือดในสรีระนี้จักเหือดแห้งไปก็ตามที
ยันตัง ปุริสะถาเมนะ ปุริสะวิริเยนะ ปุริสะปะรักกะเมนะ ปัตตัพพัง
ประโยชน์ใด, อันบุคคลจะพึงลุถึงได้ด้วยกำลังด้วยความเพียร, ความบากบั่นของบุรุษ
นะ ตัง อะปาปุณิตวา, ปุริสัสสะ วิริยัสสะสันฐานัง ภะวิสสะตีติ
ถ้ายังไม่บรรลุประโยชน์นั้นแล้ว, จักหยุดความเพียรของบุรุษเสีย, เป็นไม่มี, ดังนี้
ทุกขัง ภิกขะเว กุสีโต วิหะระติ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย, คนผู้เกียจคร้านย่อมอยู่เป็นทุกข์
โวกิณโณ ปะปะเกหิ อะกุสะเลหิ ธัมเมหิ
ระคนอยู่ด้วยอกุศลธรรมอันลามกทั้งหลาย, ด้วย
มะหันตัญจะ สะทัตถัง ปะริหาเปติ
ย่อมทำประโยชน์อันใหญ่หลวงของตนให้เสื่อม, ด้วย
อารัทธิวิริโย จะ โข ภิกขะเว สุขัง วิหะระติ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย, บุคคลผู้มีความเพียรอันปรารภแล้ว, ย่อมอยู่เป็นสุข
ปะวิวิตโต ปาปะเกหิ อะกุสะเลหิ ธัมเมหิ
สงัดแล้วจากอกุศลธรรมอันลามกทั้งหลายด้วย
มะหันตัญ จะ สะทัตถัง ปะริปูเรติ
ย่อมทำประโยชน์อันใหญ่หลวงของตนให้บริบูรณ์, ด้วย
นะ ภิกขะเว หีเนนะ อัคคัสสะ ปัตติ โหติ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย, การบรรลุธรรมอันเลิศ, ด้วยการกระทำอันเลว, ย่อมมีไม่ได้เลย
อัคเคนะ จะ โข อัคคัสสะ ปัตติ โหติ
แต่การบรรลุธรรมอันเลิศ, ด้วยการกระทำอันเลิศ, ย่อมมีได้แล
มัณฑะเปยยะมิทัง ภิกขะเว พรัหมะจะริยัง
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย, พรหมจรรย์นี้, น่าดื่ม, เหมือนมัณฑะยอดโอชาแห่งโครส
สัตถา สัมมุขีภูโต
ทั้งพระศาสดาก็อยู่ ณ ที่เฉพาะหน้านี้แล้ว
ตัสมาติหะ ภิกขะเว วิริยัง อาระภะถะ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย, เพราะฉะนั้น, เธอทั้งหลาย, จงปรารถความเพียรเถิด
อัปปัตตัสสะ ปัตติยา
เพื่อการบรรลุถึงซึ่งธรรม, อันยังไม่บรรลุ
อะนะธิคะตัสสะ อะธิคะมายะ
เพื่อการถึงทับซึ่งธรรม, อันยังไม่ถึงทับ
อะสัจฉิกะตัสสะ สัจฉิกิริยายะ
เพื่อการทำให้แจ้งซึ่งธรรม, อันยังไม่ได้ทำให้แจ้ง
เอวัง โน อะยัง อัมหากัง ปัพพัชชา
เมื่อเป็นอย่างนี้, บรรพชานี้ของเราทั้งหลาย
อะวังกะตา อะวัญญา ภะวิสสะติ
จักเป็นบรรพชาไม่ต่ำทราม, จักไม่เป็นหมันเปล่า
สะผะลา สะอุทะระยา
แต่จักเป็นบรรพชาที่มีผล, เป็นบรรพชาที่มีกำไร
เยสัง มะยัง ปะริภุญชามะ, จีวะระปิณฑะปาตะ เสนาสะนะคิลานะปัจจะยะเภสัชชะปะริขารัง
พวกเราทั้งหลาย, บริโภคจีวร, บิณฑบาต, เสนาสนะและเภสัช, ของชนทั้งหลายเหล่าใด
เตสัง เต การา อัมเหสุ
การกระทำนั้นๆ ของชนทั้งหลายเหล่านั้น, ในเราทั้งหลาย
มะหัปผะลา ภะวิสสันติ มะหานิสังสา ติ
จักเป็นการกระทำมีผลใหญ่, มีอานิสงส์ใหญ่, ดังนี้
เอวัง หิ โว ภิกขะเว สิกขิตัพพัง
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย, เธอทั้งหลาย, พึงทำความสำเหนียก, อย่างนี้แล
อัตตัตถัง วา หิ ภิกขะเว สัมปัสสะมาเนนะ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย, เมื่อบุคคลมองเห็นอยู่, ซึ่งประโยชน์แห่งตน, ก็ตาม
อะละเมวะ อัปปะมาเทนะ สัมปาเทตุง
ก็ควรแล้วนั่นเทียว, เพื่อยังประโยชน์แห่งตนให้ถึงพร้อม, ด้วยความไม่ประมาท
ปะรัตถัง วา หิ ภิกขะเว สัมปัสสะมาเนนะ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย, เมื่อบุคคลมองเห็นอยู่, ซึ่งประโยชน์แห่งชนเหล่าอื่น, ก็ตาม
อะละเมวะ อัปปะมาเทนะ สัมปาเทตุง
ก็ควรแล้วนั่นเทียว, เพื่อยังประโยชน์แห่งชนเหล่าอื่นให้ถึงพร้อม, ด้วยความไม่ประมาท
อุภะยัตถัง วา หิ ภิกขะเว สัมปัสสะมาเนนะ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย, หรือว่า, เมื่อบุคคลมองเห็นอยู่, ซึ่งประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย, ก็ตาม
อะละเมวะ อัปปะมาเทนะ สัมปาเทตุง
ก็ควรแล้วนั่นเทียว, เพื่อยังประโยชน์ของทั้งสองฝ่ายนั้นให้ถึงพร้อม, ด้วยความไม่ประมาท
อิติ
ดังนี้แล