๕. พระกถาวัตถุ

ปุคคะโล

มีคำถามว่าสัตว์ว่าบุคคลว่าหญิงว่าชาย

อุปะลัพภะติ

อันท่านควรรู้ด้วยปัญญา อันบังเกิดในสันดานของท่านเถิด

สัจฉิกัตถะปะระมัตเถนาติ

โดยปรมัตถ์คืออรรถอันอุดม เป็นอรรถอันจริงแท้มิได้แปรผันดังนี้มีอยู่หรือ

อามันตา โย

มีคำแก้ตอบว่าจริง สัตว์บุคคลหญิงชายมีอยู่. มีคำถามว่า ปรมัตถธรรมมีประการ ๕๗ มีขันธ์ ๕ เป็นต้นทั้งหลายเหล่าใด

สัจฉิกัตโถ ปะระมัตโถ

เป็นปรมัตถ์คืออรรถอันอุดม เป็นอรรถอันจริงแท้มิได้แปรผัน

ตะโต โส

โดยปรมัตถธรรมมีประการ ๕๗ มีขันธ์ ๕ เป็นต้นเหล่านั้น

ปุคคะโล

ว่าเป็นสัตว์เป็นบุคคลเป็นหญิงเป็นชาย

อุปะลัพภะติ

อันท่านควรรู้ด้วยปัญญา อันบังเกิดในสันดานของท่าน

สัจฉิกัตถะปะระมัตเถนาติ

โดยปรมัตถ์คืออรรถอันอุดม เป็นอรรถอันจริงแท้มิได้แปรผันดังนี้มีอยู่หรือ

นะ เหวัง วัดตัพเพ

มีคำแก้ตอบว่า ประเภทของปรมัตถ์มีขันธ์ ๕ เป็นต้น เราไม่มีพึงกล่าวเชียวหนอ

อาชานาหิ นิคคะหัง

ผู้ถามกล่าวตอบว่า ท่านจงรับเสียเถิด ซึ่งถ้อยคำอันท่านกล่าวแล้วผิด

หัญจิ ปุคคะโล

ผิแลว่าเป็นสัตว์เป็นบุคคลเป็นหญิงเป็นชาย

อุปะลัพภะติ

อันท่านควรรู้ด้วยปัญญา อันบังเกิดในสันดานของท่าน

สัจฉิกัตถะปะระมัตเถนะ

โดยปรมัตถ์คืออรรถอันอุดม เป็นอรรถอันจริงแท้มิได้แปรผัน

เตนะ

โดยประการอันเรากล่าวแล้วนั้น

วะตะ เร

ดังเรากำหนด ดูก่อนท่านผู้มีหน้าอันเจริญ

วัตตัพ เพ โย

ปรมัตถธรรมมีประการ ๕๗ มีขันธ์ ๕ เป็นต้น อันเราพึงกล่าว

สัจฉิกัตโถ ปะระมัตโถ

เป็นอรรถอันกระทำให้สว่างแจ้งชัด เป็นอรรถอันอุดม

ตะโต โส

โดยปรมัตถธรรมมีประการ ๕๗ มีขันธ์ ๕ เป็นต้นเหล่านั้น

ปุคคะโล

ว่าเป็นสัตว์เป็นบุคคลเป็นหญิงเป็นชาย

อุปะลัพภะติ

อันท่านควรรู้ด้วยปัญญา อันบังเกิดในสันดานของท่าน

สัจฉิกัตถะปะระมัตเถนาติ

โดยปรมัตถ์คืออรรถอันอุดม เป็นอรรถจริงแท้มิได้แปรผันดังนี้

มิจฉา

ท่านกล่าวในปัญหาเบื้องต้นกับปัญหาเบื้องปลาย ผิดกันไม่ตรงกัน

เล่น/หยุด